Bee's Private Corner

Saturday, June 18, 2005

Bee's Private Corner...

ชอบมากเลย กับคำว่า “มุมส่วนตัวของบี…” จริง ๆ มันก้อคงไม่ค่อยจะส่วนตัวเท่าไหร่หรอก เพราะว่าคงมีใครบางคนได้มีโอกาสเข้ามาอ่านบทความต่าง ๆ ที่บีเขียน แต่บีก้อรู้สึกดีนะคะที่ตัวเองมีมุมส่วนตั๊วส่วนตัวที่สามารถจะมาขีดเขียนอะไรก้อได้ที่นึกอยากจะเขียน เล่า หรือระบายออกมา

วันนี้รู้สึกเหนื่อยมากเลย ไม่รู้เป็นอะไร แต่จริง ๆ บีก้อรู้สึกเหนื่อยอยู่บ่อย ๆ เหมือนคนหมดแรงยังไงก้อไม่รู้ บีเคยคิดว่า อยากจะลาออกจากงานเพื่อที่จะไปเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อหาประสบการณ์และอาจจะทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างการเดินทางไปด้วย เคยฟังเพื่อนร่วมงานต่างชาติที่เล่าว่าเค้าเคยทำแบบนี้ก่อนที่จะเริ่มทำงานจริง ๆ จัง ๆ ฟังแล้วก้อยิ่งรู้สึกอยากจะทำบ้าง แต่ว่าโอกาสที่บีจะทำมันคงน้อยลงทุกที ๆ เนื่องจากว่าอายุค่อนข้างมากขึ้นแล้ว หน้าที่การงานก้อไม่ใช่ว่าจะเอื้ออำนวยให้ไปทำแบบนั้นได้ง่าย ๆ คือหมายความว่า ถ้าไปทำแบบนั้นแล้ว ต้นทุนค่าเสียโอกาสในด้านต่าง ๆ มันคงสูงมาก แล้วบีก้อไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวด้วย ยังมีคุณแม่ และครอบครัวที่จะต้องให้คอยเป็นห่วงและกังวล รวมทั้งมีคนที่เป็นห่วงเราอีกมากมาย

บีโตมาในครอบครัวคนจีนที่คุณพ่อคุณแม่อพยพมาจากเมืองจีน ตอนที่ท่านอพยพมานั้น ท่านมีลูกเล็ก ๆ กระเตงมาด้วย 3 คน คุณพ่อบีท่านเก่งคณิตศาสตร์ แต่เรียนไม่สูง ส่วนคุณแม่มาจากครอบครัวชาวนาแล้วก้อไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ แต่ท่านมีความขยัน อดทน หนักเอา เบาสู้ จิตใจดี ประหยัด มัธยัสถ์ จริง ๆ ถ้าจะว่าไปแล้ว ลูก ๆ ของท่านก้อได้นิสัยจากท่านหลาย ๆ อย่างนะคะ คุณแม่พูดเสมอว่า ท่านอยากให้ลูก ๆ ทุกคนเรียนหนังสือให้มาก ๆ จะได้ไม่ลำบากอย่างท่าน ที่ไม่มีโอกาสได้รู้หนังสือ บีว่าคุณแม่บีน่ะเก่ง มองการณ์ไกล หลาย ๆ อย่างที่ท่านคิดและทำนั้น เป็นประโยชน์กับลูก ๆ มากมายค่ะ บีว่าถ้าคุณแม่บีเรียนหนังสือ ท่านต้องไปรุ่งแน่ ๆ เลย แม่เคยบอกว่า บางทีฝันว่าตัวเองขับรถเป็น แล้วก้อขับรถส่งลูก ๆ ไปโรงเรียนด้วย

เราเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ คุณพ่อคุณแม่มีลูก 10 คนแน่ะ ผู้ชายแค่สองคน คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไม่ยอมทำหมัน จริง ๆ แล้วคนจีนเค้าชอบที่จะมีลูกชาย พี่ชายบีเป็นลูกคนที่ 4 และ 5 แต่คุณพ่อก้อยังไม่หยุดผลิต ผลผลิตที่ตามมาอีก 5 หน่วยเลยกลายเป็นลูกสาวหมด แต่บีว่าการที่เป็นครอบครัวใหญ่ ก้อทำให้พวกเราไม่เหงา สนิทกันเหมือนเพื่อนสนิท เล่นกัน ร้องเพลงด้วยกัน หัวเราะด้วยกันสนุกสนาน แล้วที่สำคัญก้อคือ ช่วย ๆ กันทำงานหาเงินแต่เด็กเพื่อเก็บเงินเรียน แบ่งเบาภาระคุณพ่อและคุณแม่ พวกเราจึงรู้ค่าของเงินตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะ ที่บีจำได้แม่นก้อคือ มีอยู่ครั้งนึงที่บีไม่สบายมากแต่ไม่มีเงินไปหาหมอ ครั้งนั้นแย่มากเลย จำได้ราง ๆ ว่าไม่สบายค่อนข้างมาก สุดท้ายรู้สึกว่าคุณแม่จะไปยืมตังค์ใครเพื่อพาบีไปหาหมอมั้งคะ

คุณพ่อบีท่านเป็นคนดุ แล้วพวกเราก้อไม่ค่อยได้ใกล้ชิดท่านเพราะว่าท่านทำงาน ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน พวกเราจึงใกล้ชิดกับท่านมากกว่า พี่น้องบีเรียนหนังสือเก่ง ๆ กันทุกคน นี่เป็นโชคดีอย่างนึง เพราะว่าพวกเราคงไม่มีเงินไปเรียนพิเศษแบบคนอื่น ๆ ที่โชคดีอีกอย่างก้อคือ สมัยก่อน ค่าเทอมไม่แพงมากเท่าสมัยนี้ แล้วก้อไม่ต้องมีพวกค่าแป๊ะเจี๊ยะอะไรด้วย บีอย่างนึงที่บีไม่ค่อยชอบคือว่า บีต้องรับมรดกชุดนักเรียน หนังสือเรียน และอะไรต่าง ๆ ของพี่สาวบีเพื่อเป็นการประหยัดด้วย แล้วก้อจำได้ว่ากระโปรงนักเรียนก้อมีอยู่แค่ตัวสองตัวเองมั้ง ต้องสลับกันใส่

มีเรื่องขำขันคือ เวลาบีและพี่น้องสอบได้ที่หนึ่ง คุณพ่อจะให้หนึ่งร้อยบาท ถ้าได้ที่สามก้อได้สามร้อยบาท แล้วคุณคิดดูสิว่าพวกเราจะอยากสอบได้ที่เท่าไหร่ อิ ๆ บีจะเรียนเก่งเป็นพิเศษในวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ เรียกว่าคณิตศาสตร์เป็นเรื่องหมู ๆ ที่บีไม่เคยต้องมานั่งอ่านหนังสือ หรือทบทวนอะไรก่อนสอบมากนัก ยกเว้นตอนเรียนมหาวิทยาลัยนะคะ ส่วนภาษาอังกฤษก้อเป็นสิ่งที่บีให้ความสนใจเป็นพิเศษ แล้วก้อวาดฝันว่าอยากเรียนต่อต่างประเทศมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ก้อรู้ดีว่าคงเป็นไปได้ยาก ด้วยสภาพฐานะในตอนนั้น มาถึงวันนี้ บีคิดว่าหนังสือที่เค้าบอกว่าให้ THINK BIG นั้น บีว่ามันมีส่วนจริงนะคะ บีมานั่งคิดตรึกตรองย้อนหลังแล้วก้อคิดว่า มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่บีเคยคิดว่าอยากทำ อยากได้ อยากโน่น อยากนี่แล้วบีได้มาแล้ว โดยที่เคยคิดว่าความน่าจะเป็นที่จะได้นั้นต่ำมาก วิเคราะห์แล้วก้อได้ข้อสรุปที่ไม่รู้เหมือนกันว่าถูกรึป่าวว่า ตราบใดที่คนเรามีความฝัน มีความคิดที่จะทำอะไรที่มันอาจจะสูงเกินกว่าที่เราคิดว่าจะทำได้ มันจะเป็นแรงให้เกิดพลังขับเคลื่อนภายในตัวของเราเอง ที่จะพยายามดำเนินการหรือทำอะไรให้ไปได้ถึงจุดนั้น คิด ๆ ดู ก้อเหมือนกับการตั้งเป้าหมายในลักษณะที่เป็น Stretch goals คือว่าตั้งให้ท้าทาย ให้สุด ๆ เข้าไว้ แต่ต้องเป็น SMART goals ด้วยนะคะ คือต้อง Specific, Measurable, Attainable, Realistic and Timebound เพราะเมื่อเราตั้งเป้าแบบท้าทายนั้นแล้ว ถึงแม้เราจะไปไม่ได้ถึงเป้า แต่ว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นส่วนใหญ่ก้อยังเป็นอะไรที่สูงกว่าปกติเสมอ อืม เขียนไปเขียนมาไหงกลายเป็นเรื่องการตั้งเป้าหมายไปได้

บีเป็นคนดื้อ โมโหร้าย เวลาโมโหขึ้นมาน่าดูชมทีเดียว บางทีก้องี่เง่า คุณแม่เคยบอกว่า บีอะน่ารัก เสียอย่างเดียวเท่านั้นคือเจ้าอารมณ์ไปหน่อย เวลาโมโหแล้วไม่น่ารัก ซึ่งก้อจริงนะคะ เพียงแต่ว่าความโมโหมันไม่ได้เกิดบ่อย ๆ แล้วดีกรีความโมโหร้ายก้อลดลงเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลที่ผ่านไป นอกจากนี้แล้ว บียังเป็นคนขี้อ้อนด้วย แต่ส่วนใหญ่ก้ออ้อนกับคนในครอบครัวนั่นแหละค่ะ หรือไม่ก้อกะเพื่อนสนิท ๆ กันจริง ๆ เท่านั้น

เวลาบีมีเวลาว่าง บีก้อจะชอบนั่งเจ๊าะแจ๊ะกะครอบครัวบ้าง ชอบฟังเพลง บางครั้งก้อจะแช็ท ถ้าว่างมากก้อหาเรื่องไปเที่ยว บีมีเป้าหมายในการท่องเที่ยวสถานที่ ๆ บีไม่เคยไปอย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะต่างประเทศ โดยคิดว่าถ้าแก่ตัวไปแล้ว การเที่ยวต่างประเทศคงไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะในเมืองหนาว เลยรีบ ๆ เที่ยวเพื่อความสุข แล้วยังเป็นการเปิดหูเปิดตา เปิดโลกทัศน์ไปด้วย ที่ผ่านมาก้อมีโอกาสไปเที่ยวประเทศอเมริกา กว่าสี่สิบรัฐ แคนาดา เกือบทุกประเทศในยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย เนปาล การท่องเที่ยวช่างเป็นอะไรที่ได้ทั้งสาระและความบันเทิงสำหรับบีจริง ๆ ส่วนคนที่บีจะชวนไปเที่ยวด้วยนั้นก้อช่างหายากเหลือเกิน ทำไมน่ะหรอคะ ก้อส่วนใหญ่บีชอบไปแบบว่าครั้งละสองถึงสามอาทิตย์ ดังนั้น คนอื่นก้อจะหยุดงานไม่ค่อยได้ บางคนก้อติดที่งบประมาณ บอกว่าถ้าจะให้ไปด้วย ก้อช่วยออกตังค์ให้ด้วย แหมมมมมมม เมื่อไหร่จะเจอคนที่ไปเที่ยวกะบีได้อย่างไม่มีเงื่อนไขเนี่ย ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น บีก้อเริ่มมาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่ก้อไปกะครอบครัว หรือเพื่อนสนิทจากโรงเรียนมัธยม หรือเพื่อนสนิทจากที่ทำงานเก่าค่ะ มีอยู่ครั้งนึงเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว ไป countdown ปีใหม่ที่ฟาร์มม้าในโคราช มีเพื่อนเป็นสัตวแพทย์ในฟาร์มม้าใหญ่แห่งนึง เจ้าของเค้าอนุญาตให้พักบ้านเค้า แล้วก้อทำบาร์บีคิวกันในสนามหญ้า จำได้ว่าคืนนั้นดาวเต็มฟ้า อากาศดี พวกเรามีความสุขกันมาก แต่อาหารก้อเหลือเพี่ยบ เพราะว่าซื้อมามากเกินไป

บีมีความสนใจในหลาย ๆ เรื่องนะคะ ถ้ามีโอกาสก้อจะพยายามทำอะไรที่อยากจะทำ เช่น หลายปีก่อนก้อไปเรียนเพนท์กระเบื้องพอร์ซเลนแบบเทคนิคยุโรป คือ มันจะมีเทคนิคสองแบบคือแบบยุโรปและอเมริกา คอร์สนึงก้อเรียนหกครั้ง เรียนทุกเสาร์บ่าย ก้อจะได้ชิ้นงานหลายชิ้นค่ะ จบคอร์สนึงก้อเรียนต่ออีก แล้วก้อมีเรียนเทคนิค Decoupage เรียนร้อยลูกปัด เป็นต้น แล้วก้อไปเรียนเบเกอร์รี่กะอาจารย์ยิ่งศักดิ์เมื่อหลายปีก่อน เรียนภาษาเยอรมันอยู่ 3 คอร์ส ที่เกอร์เธ่ ตอนนี้กำลังคิดอยากไปเรียนดูฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง เรียนดูเพชร เรียนดำน้ำ (อันนี้เพื่อนสนิทสมัยมัธยมคอยบอกให้ไปเรียน เพราะทุกคนดำได้กันหมดแล้ว)

บีชอบทะเล เวลาไปทะเลจะชอบเหม่อมองดูทะเลแบบไร้จุดหมาย มีความรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นทำให้บีมีสมาธิ จะรู้สึกสงบ ปล่อยใจล่องลอยไปถึงไหนต่อไหน ชอบทะเลที่หัวหินค่ะ ใกล้ดีด้วย แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเลย ปีที่แล้วบีพาพี่สาวไปหัวหิน ติดใจใหญ่เลย มาถามบีว่าปีนี้จะไปอีกมั้ย

บีไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ จะอ่านเฉพาะเรื่องที่สนใจเท่านั้น ชอบอ่านหนังสือประเภทที่ให้คุณค่าต่อจิตใจหรือจิตวิญญาณ แล้วก้อสุขภาพ นอกจากนี้ก้อสนใจในเรื่องการวางแผนอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุน การประกันชีวิตและสุขภาพ เพื่อรองรับเป้าหมายตัวนึงที่บีมีคือ บีต้องการเลิกทำงานหนักแบบนี้ตอนอายุสัก 40 หรือ 40 ต้น ๆ แล้วหางานที่บีมีใจรัก เงินเดือนไม่ต้องมาก ทำแล้วมีความสุขใจ เป็นอะไรที่จะมาเติมเต็มในส่วนของจิตใจมากกว่า บางครั้งก้ออยากนั่งทำงานเพนท์ เขียนหนังสือ จิบกาแฟหอม ๆ ฟังดนตรีไพเราะ ๆ อืม มีความสุขจัง

ว่าแล้ว เดี๋ยวบีเตรียมตัวไปยิมดีกว่า ไปว่ายน้ำผ่อนคลายในวันหยุด ….. แต่ว่า Bee’s Private Corner ยังไม่จบแค่นี้นะคะ เพียงแต่ไม่รู้จะมีอารมณ์เขียนอีกเมื่อไหร่ :-)

2 Comments:

  • At Saturday, June 18, 2005 8:59:00 AM, Blogger The Corgiman said…

    เหมือนได้ฟังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องส่วนตัว

    ชอบอ่านมากนะครับ ให้บรรยากาศนั่งคุยกันไปจิบกาแฟกันไปจริงๆ

     
  • At Saturday, January 19, 2008 6:42:00 AM, Anonymous Anonymous said…

    เรื่องราวมากมาย คุณบีจับมาบีบรัดเหลือนิดเดียว รู้เรื่อง เพลิน และสนุก น่าจะพัฒนาตัวเองไปเขียนอะไรบ้างนะครับ ผู้หญิงเก่ง น่าสนใจ

     

Post a Comment

<< Home